วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เทคนิคการทำภาพในความฝัน


เทคนิคการทำภาพในความฝัน
สำหรับบทความนี้ Webmaster เอาเทคนิคแปลก ๆ มาให้ดูกันค่ะ เป็นการทำภาพแบบภาพในความฝัน จะเป็นแบบไหนนั้นลองเข้ามาดูกันเลยได้เลยค่ะ

  
ขั้นตอนที่ 1 ลำดับแรกก็เปิดภาพที่ต้องการจะทำขึ้นมาก่อน (อยากฝันถึงอะไรก็เอาภาพนั้นมาทำนะค่ะ อิอิ) เว็บมาสเตอร์ก็เอารูปตามภาพแรกนี่ล่ะค่ะ หลังจากที่เปิดมาแล้วก็ให้ทำการ Copy Layer (Ctrl+j) ของรูปภาพออกมาเป็น 3 เลเยอร์ตามภาพตำแหน่งที่ 1 ค่ะ


 ขั้นตอนที่ 2 คลิกที่ Layer : Layer 1 copy 2 ตามภาพตำแหน่งที่ 1 จากนั้นใช้คำสั่ง Filter ---> Brush Strokes ---> Accented Edged จากนั้นให้ปรับค่า ต่าง ๆ ดังนี้ Edge width = 2, Edge Brightness = 38, Smoothness = 5 ซึ่งจะทำให้ได้ผลลัพธ์ตามภาพตำแหน่งที่ 2


ขั้นตอนที่ 3 คลิกที่ Layer : Layer 1 copy 2 ตามภาพที่ตำแหน่งที่ 3 จากนั้นปรับค่าให้เป็น Overlay ดังภาพในขั้นตอนที่ 3

ขั้นตอนที่ 4 คลิกที่ Layer : Layer 1 copy ตามขั้นตอนที่ 4 จากนั้นใช้คำสั่ง Image ---> Adjustments ---> Hue/Sturation... แล้วปรับค่า Lightness = +42

  
ขั้นตอนที่ 5 คลิกที่ Layer : Layer 1 copy 2 ตามภาำพที่ตำแหน่งที่ 5 จากนั้นใช้คำสั่ง Filter ---> Blur ---> Gaussian Blur กำหนดค่า Radius = 3


ขั้นตอนที่ 6 คลิกที่ Layer : Layer 1 copy 2 ใช้คำสั่ง Image ---> Adjustments ---> Hue/Sturation... แล้วปรับค่า Sturation = -25

และแล้วก็จะได้ผลลัพธ์ตามภาพสุดท้าย เพื่อน ๆ ว่าดูแล้วเหมือนภาพความฝันไหมค่ะ ลองเอาเทคนิคไปปรับแต่งดูนะค่ะ Webmaster ก็ขอจบบทความนี้แต่เพียงเท่านี้ค่ะ









   ขอบคุณข้ลมูลจาก  :  thainextstep.com
   ภาพประกอบ   :   arunsawat.com


สั่งอัดรูปออนไลน์ / Digital Offset Print / Photo Gift / Photo Book
ได้ที่
www.masterphotonetwork.com

ติดตามข่าวสารและกิจกรรมดีๆ จากมาสเตอร์ได้ที่
Facebook : Master Photo Network


วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เทคนิคแต่งภาพเด็ด : แต่งภาพสวยใส สไตล์ summer

เทคนิคแต่งภาพเด็ด : แต่งภาพสวยใส สไตล์ summer


                เอาล่ะมาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่า ไหนๆช่วงนี้ก็เป็น ฤดูร้อนแล้ว เข้าสู่เทศกาล summer วันนี้พี่บอยนำวิธีแต่งภาพ ที่เข้ากับช่วงเวลานี้พอดี ด้วย " เทคนิคการแต่งภาพเด็ด : แต่งภาพสวยใส สไตล์ summer" ที่จะทำให้ภาพธรรมดาๆ กลายเป็น ภาพที่มีสี สไตล์ summer เข้ากับช่วงหน้าร้อน กันเลย

 อันดับแรกเลย เลือกรูปที่ต้องการจะแต่งก่อน


" พี่บอยเลือกรูปนี้ เพราะองค์ประกอบครบ สวยงามแล้ว ขาดอย่างเดียวคือโทนสีที่จะทำให้เข้ากับบรรยากาศหน้าร้อน"


จากนั้น เปิดรูปที่ต้องการแต่ง ในโปรแกรมตัดแต่งภาพ ในที่นี้พี่บอยใช้
Adobe Photoshop นะครับ


ต่อไปเป็นการทำโทนสีให้อุ่น ไปที่
Image > Adjustments > Photo Filter

จะขึ้นหน้าต่างแบบนี้มา
 ตรง Filter : เราสามารถเลือกโทนสีได้หลายแบบตามที่ต้องการ
 พี่บอยเลือกใช้ Warming Filter (81)

 ส่วน Density เลือกปรับตามความชอบเลย ยิ่งมากยิ่งเข้ม

 พอได้ที่ก็กด ok เลย!!

จะเห็นว่าภาพอมส้มนิดๆ แล้ว

ต่อไปเรามาทำแสงฟุ้งๆกัน เริ่มจาก สร้าง layer ขึ้นมาใหม่ 1 แผ่น

เลือกเครื่องมือ พู่กัน

เลือกเป็นหัวฟุ้ง

เปลี่ยนเป็นสีส้มเลย

ระบายไปในจุดที่เราต้องการให้แสงฟุ้งเลย!!

 เปลี่ยน Blending mode จาก normal เป็น Screen


 จากนั้นสร้าง Layer ขึ้นมาใหม่อีก 1 แผ่น พร้อมทั้งเปลี่ยน Blending mode ให้เป็น Screen


 ต่อไปจะเป็นการสร้างแสงสะท้อน โดยการไปที่
Window > Brush


 จะขึ้นมาหน้าต่างประมาณแบบนี้
ติ๊กเครื่องหมายถูกเลือกที่ Wet Edges
 แล้วก็ปรับ Hardness ไปเกือบๆ 60% ไม่เกิน 70%

 แต้มลงบนบริเวณ ที่จะให้เกิดแสงสะท้อนวิ้งๆ ทีละคลิก (ไม่ต้องเยอะมากเดี๋ยวจะหลอกตา)
 ก็จะได้ภาพออกมาแบบนี้ (วงกลมๆ แสงวิ้งๆ ตรงหมวก)

 ตกแต่งเพิ่มเติม ตามใจชอบอีกครั้ง เพิ่มคอนทราส เพิ่มสว่างตามใจชอบเลยครับ


    ไม่ยากเลยใช่มั้ยเอ่ย ^^

           เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับเทคนิคการแต่งภาพในวันนี้ อาจจะดูยากไปหน่อยเพราะพี่ประยุกต์เอาวิธีของช่างภาพมืออาชีพมาใช้ ในแบบที่ง่ายขึ้น เผื่อน้องๆ ต้องการที่จะพัฒนาฝีมือให้ดูโปรมากขึ้น น้องๆ ก็ต้องหัดประยุกต์ใชเครื่องมือในโปรแกรมให้เป็น แล้วทีนี้น้องๆ ก็จะสามารถใช้ได้อย่างคล่องแคล่วไม่แพ้ช่างภาพมืออาชีพเลยทีเดียว






  ทีมา : พี่บอย Dek-D.com




สั่งอัดรูปออนไลน์ / Digital Offset Print / Photo Gift / Photo Book
ได้ที่
www.masterphotonetwork.com

ติดตามข่าวสารและกิจกรรมดีๆ จากมาสเตอร์ได้ที่
Facebook : Master Photo Network

วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

วิธีการถ่ายภาพสายน้ำตก

วิธีการถ่ายภาพสายน้ำตก


เขาถ่ายภาพน้ำตกกันอย่างไร?

เมื่อถึงเวลาปลายฝนต้นหนาวอย่างเดือนตุลาคม คนหลังกล้องหลายคนวางแผนเอาไว้แต่เนิ่น ๆ แล้วว่าจะต้องเดินทางไปเก็บภาพน้ำตกที่ไหนสักแห่งหนึ่ง เพราะช่วงเวลานี้คือเวลาที่เหมาะ น้ำตกส่วนใหญ่จะมีน้ำใสไหลแรง บรรยากาศของผืนป่าก็เขียวชอุ่มพุ่มไสวไปด้วยอำนาจแห่งความชุ่มฉ่ำที่ซึมซับ สะสมมาหลายเดือน องค์ประกอบทั้งหลายเล็กใหญ่ของน้ำตกอวดโฉมสะพรั่งเต็มที่ ไม่ว่ามันจะรอคอยอยู่หรือไม่ เมื่อจะต้องไปถ่ายภาพน้ำตก จะมีแต่เรี่ยวแรงเดินทางพร้อมกับกล้องคู่ใจ ทักษะวิธีในการเก็บภาพก็เป็นสิ่งที่ต้องพกพาติดตัวไปด้วยเสมอ เพราะสถานการณ์แต่ละรูปแบบนั้นมักจะไม่ซ้ำกัน การเก็บภาพให้ได้สวยงามก็ต้องผ่านการคิดพิจารณาเพื่อกลั่นกรองออกมา

ก่อนไป มีอะไรจะต้องรู้?

1. ช่วงเวลาไหนที่น้ำตกนั้นๆ จะมีน้ำมากที่สุด

หาข้อมูลก่อนไปจะช่วยให้เราวางแผนได้ถูกเวลา ยิ่งถ้าเป็นน้ำตกที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติก็ยิ่งง่าย เพราะเราสามารโทรศัพท์ติดต่อสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ได้ก่อน อาจจะถามถึงสภาพปัจจุบันเลยก็ได้ว่าน้ำเป็นอย่างไร? จำนวนมากน้อย? (เพราะบางช่วงน้ำจะยังเป็นสีแดงเนื่องจากตะกอนดินที่น้ำป่าพัดพามา) ฯลฯ

2. ฝนตกหรือไม่?

บางพื้นที่ก็จะมีสภาพอากาศต่างไปจากที่เราคุ้นเคย ช่วงเดือนตุลาคมฯ นั้นเราเข้าใจกันเป็นปกติว่าปลายฝนต้นหนาวคงไม่ค่อยมีฝนตกสักเท่าไหร่ แต่ทางพื้นที่ทางด้านฝากฝั่งตะวันตกของประเทศ เช่น กาญจนบุรี, ประจวบคีรีขันธ์ หรือจังหวัดอื่น ๆ เพิ่งจะเริ่มย่างเข้าสู่ฤดูฝนเท่านั้นเอง เราก็จะได้เตรียมตัวถูก เพราะถ้าฝนตกตลอดเวลาก็อาจจะกลายเป็นว่าต้องนั่งถ่ายอยู่ในเต็นท์หรือบ้าน พักแทน นอกจากนี้จะได้เตรียมตัวอุปกรณ์เพื่อป้องกันกล้องและอุปกรณ์รวมทั้งตัวของ เราเองด้วย


3. สภาพทางภูมิศาสตร์ของตัวน้ำตก

ตัวน้ำตกอยู่กลางแจ้งหรือในร่มไม้? หันหน้าทิศทางใด? ถ้าหากเรารู้สองปัจจัยนี้จะช่วยได้มากในเรื่องการวางแผนเดินทางและตระเตรียม อุปกรณ์ เราอาจจะหาข้อมูลล่วงหน้าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันนี้ระบบ GPS ถูกใช้งานกันอย่างแพร่หลาย น้ำตกบางแห่งก็ถูกระบุตำแหน่ง GPS เอาไว้แล้ว บางทีเราอาจจะสามารถใช้ Google Earth เพื่อตรวจดูสภาพและจ้อมูลที่ว่านี้ก่อนเดินทางได้เลย

ส่วนเรื่องอย่างอื่นที่เป็นเรื่องของการเดินทางหรือเดินป่า ก็ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมดูอีกที เรื่องเหล่านี้เป็นประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะน้ำตกลึกลับที่ไม่ค่อยมีใครไปกันเท่าไหร่นัก แต่น้ำตกพวกนี้มักจะมีสภาพที่ยังสมบูรณ์เพราะมีคนเข้าไปสร้างความเสียหาย น้อยนั่นเอง

อุปกรณ์ที่จำเป็น

1. กล้องและเลนส์

แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องมี แต่เราจำเป็นต้องรู้ข้อจำกัดบางประการเอาไว้ด้วย หากกล้องและเลนส์ของเราไม่ใช่ระดับเกรดโปร นั่นหมายความว่ามันไม่มีคุณสมบัติในการต้านทานละอองน้ำและความชื้นมากนัก มีอยู่ไม่น้อยเหมือนกันที่ไม่ถึงกับเข้าไปบุกตะลุยถ่ายภาพกลางน้ำแต่กล้อง และเลนส์ก็ลากลับบ้านเก่าไปก่อน น้ำตกบางที่นั้นมีความชื้นสูงมากโดยเฉพาะน้ำตกที่ไหลแรงก็ย่อมจะมีละอองน้ำ กระเซ็นไปทั่ว พื้นที่แบบนี้ต้องระมัดระวังให้ดีว่ากล้องอาจจะรับสภาพไม่ไหว ทางที่ดีคือต้องห่อมันเอาไว้ในพลาสติกอีกหนึ่งชั้น และระหว่างทางก็อย่าเอามันออกมาถ่ายภาพสะสมความชื้น เมื่อไปถึงแล้วก็รีบเอาออกมาถ่ายภาพแล้วก็รีบเก็บ อย่าทิ้งมันไว้ข้างนอกนานนักเพราะจะมีความชื้นเล็ดลอดเข้าสู่ภายในได้ตลอด เวลา

เลนส์ทุกระยะโฟกัสสามารถใช้ถ่ายภาพน้ำตกได้หมดเพราะขึ้นอยู่กับสภาพสถาน ที่ แต่โดยมากแล้วก็จะนิยมเลนส์มุมกว้าง เลนส์เทเลโฟโต้ก็สามารถใช้ถ่ายภาพได้เช่นกัน อาจจะไม่สามารถเก็บทั้งตัวน้ำตกและสายน้ำได้ แต่ก็สามารถใช้เพื่อเจาะรายละเอียดในบางมุมที่สวยงามได้ และน้ำตกบางแห่งที่ไม่สามารถเข้าใกล้ได้ก็จะส่งผลให้เลนส์เทเลฯ กลายเป็นพระเอกในทันที ส่วนเลนส์มุมกว้างนั้นก็เป็นได้แค่พระรองเพราะจะทำให้ตัวน้ำตกดูเล็กเกินไป

2. ขาตั้งกล้อง

อุปกรณ์สุดแสนสำคัญสำหรับการถ่ายภาพน้ำตก เพราะเราต้องใช้สปีดชัตเตอร์ช้าในระดับที่ใช้มือเปล่าถือกล้องไม่ไหว ขอแนะนำให้เป็นขาตั้งกล้องที่เยาและแข็งแรงมั่นคงที่สุดเท่าที่คุณจะมีได้ น้ำหนักเบาจะช่วยให้มันไม่เป็นภาระมากเกินไปเมื่อต้องเดินนาน ๆ ความมั่นคงของขาตั้งจะเป็นหลักประกันให้กับกล้องและอุปกรณ์ของคุณเมื่ออยู่ ในพื้นที่เสี่ยงซึ่งมีน้ำอยู่ทั่วไป การประหยัดค่าตัวขาตั้งกล้องนั้นไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก เพราะสุดท้ายแล้วกล้องและเลนส์ราคาแพงของเราก็ต้องฝากเอาชีวิตเอาไว้กับมัน อยู่ดี ขาตั้งกล้องที่มีความสามารถในการกางขาได้หลายรูปแบบก็เป็นสิ่งที่แนะนำ เพราะในสภาพพื้นที่เป็นโขดหินใหญ่น้อยอย่างน้ำตกนั้น ขาตั้งที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าก็จะช่วยให้เราได้เปรียบในเรื่องของมุมภาพ ด้วย

อุปกรณ์ที่ควรมี

1. สายลั่นชัตเตอร์หรือรีโมท

ความจริงแล้วสิ่งนี้ควรจะเป็นอุปกรณ์จำเป็น แต่ระบบของกล้องในทุกวันนี้ก็ช่วยให้เราใช้ระบบถ่ายภาพหน่วงเวลาแทนกันได้ บ้าง เราอาจจะเลือกใช้แบบ 2 วินาที, 10 วินาที หรือในรายที่มือแน่มาก ๆ ก็ใช้มือเปล่ากดปุ่มชัตเตอร์บนตัวกล้องได้เช่นกัน แต่ที่ดีที่สุดก็คือใช้สายลั่นชัตเตอร์หรือรีโมทเพราะจะช่วยให้กล้องไม่สั่น ไหวได้มากที่สุด และอีกอย่างก็คือมันพร้อมสำหรับการลั่นชัตเตอร์ตลอดเวลา ไม่ต้องรอ 2 วิ หรือ 10 วิ ให้พลาดโอกาสเด็ด ๆ เพราะเรื่องไม่คาดฝันนั้นเกิดขึ้นได้เสมอ ซึ่งบางทีมันก็อาจจะหายไปอย่างรวดเร็วในช่วงเวลา 2 วินาทีนั้นก็เป็นได้


2. ฟิลเตอร์ลดแสง

อุปกรณ์ชนิดนี้คือฟิลเตอร์ C-PL และ ND สำหรับสวมทับหน้าเลนส์เพื่อลดปริมาณแสงที่จะเข้าสู่กล้องอันจะทำให้เราสามา รถใช้สปีดชัตเตอร์ที่นานขึ้นได้ C-PL นอกจากจะลดปริมาณแสงได้แล้ว ยังสามารถตัดแสงสะท้อนจากพื้นผิวน้ำให้สายน้ำของเราดูสวยงามและช่วยให้ บรรยากาศรอบข้างมีสีสันที่อิ่มตัวสสดใสมากขึ้น แต่มันก็สดแสงได้เพียงสองสตอป ส่วน ND นั้นมีหน้าที่เพื่อสดแสงโดยตรงเพียงอย่างเดียว และมันมีหลายเบอร์ให้เลือกใช้ซึ่งสามารถลดแสงได้ 2, 4, 8 … สตอปตามแต่ที่เราจะต้องการ แต่ก็ต้องหาซื้อให้ได้เสียก่อนด้วย หากเป็นระดับมืออาชีพ อุปกรณ์หมวดนี้จะกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมีเลยทีเดียว

3. ผ้าเช็ดกล้องและเลนส์

ถ้าหากเป็นไปได้ ก็ควรเป็นผ้าที่มีคุณสมบัติในการซับน้ำ และควรมีขนาดที่สามารถคลุมกล้องของคุณได้ทั้งตัว ถึงแม้ว่ากล้องของคุณจะมีระบบกันน้ำและความชื้นอย่างดี แต่การที่มันไม่โดนน้ำก็จะดีกว่ามาก หรือถ้ามันโดนก็ควรที่จะรีบเช็ดออกโดยไว แล้วจะทำได้อย่างไรถ้าไร้ซึ่งผ้าผืนนี้เสียแล้ว?

4. ถุงพลาสติกขนาดใหญ่

มันควรจะมีขนาดใหญ่จนสามารถใส่กระเป๋ากล้องของคุณลงไปได้ทั้งใบ ซึ่งเราก็ขอแนะนำถุงดำใส่ขยะที่ค่อนข้างหนาอยู่สักหน่อย ยามไม่มีอะไรก็พับใส่กระเป๋ากล้องเอาไว้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ฝนตกลงมาล่ะก็ มันจะเป็นเหมือนกับม่านบาเรียที่จะปกป้องอุปกรณ์ทั้งหมดของคุณได้ทันทีเพียง แค่หย่อนทั้งกระเป๋าลงไปห่ออยู่ในนั้น ฝนจะตกขนาดไหนก็วางใจได้ เมื่อฝนหยุดตกก็เอากระเปากล้องออกมาเดินต่อ อย่าเห็นแก้กระเป๋ากล้องกันน้ำแล้วลุยไปเลย น้ำอาจไม่เข้าก็จริง แต่ไม่นานต่อมากระเป๋ากล้องของคุณก็จะเริ่มโชยกลิ่นและอาจจะกลายเป็นโครงการ บ้านจัดสรรของเชื้อราไปก็ได้ ใช้กระเป๋ากล้องกันน้ำก็ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ต้องใช้คุ้มเสียจนเอาไปลุยฝนทุกครั้งที่มีโอกาสก็ได้


            ประมวลผลข้อมูลตามที่เราแนะนพไปตอนต้นเสียก่อนว่าเวลาไหนถึงจะเหมาะ? ถ้าคุณรู้สภาพภูมิศาสตร์ของตัวน้ำตกว่ามันอยู่กลางแจ้งหรือในร่ม ก็จะรู้แล้วว่าควรจะต้องหาฟิลเตอร์ลดแสงหรือไม่ขนาดไหน เพราะถ้ามันอยู่กลางแจ้ง คุณก็ต้องลดแสงลงให้มากสักหน่อยเพื่อจะได้ใช้สปีดชัตเตอร์ที่ต่ำลง ยิ่งต่ำเท่าไหร่สายน้ำก็จะยิ่งเป็นเส้นสายพลิ้วมากเท่านั้น ถ้ามันอยู่ในร่มครึ้มของป่าก็ยังง่ายหน่อย

            ตัวน้ำตกหันไปทางไหน? หากมันหันไปทางทิศตะวันออก ก็แสดงว่าเราควรจะถ่ายภาพมันช่วงเช้า เพราะท้องฟ้าด้านหลังจะเป็นมุมโพลาไรซ์ได้ฟ้าสีเข้มสดใส แต่ถ้าหันหน้าไปทางทิศตะวันตกก็ต้องถ่ายภาพช่วงบ่ายเพื่อให้ท้องฟ้าเป็นมุม โพลาไรซ์ มุมโพลาไรซ์คิดง่าย ๆ ก็คืออย่าถ่ายภาพย้อนแสงนั่นเอง ไม่อย่างนั้นแล้วท้องฟ้าด้านหลังก็จะขาวโพลนไปหมดแต่ถ้ามันหันไปทิศอื่นก็ ต้องดูว่าเฉียงหนักไปทิศใดแล้วก็เลือกมุมถ่ายภาพและเวลาให้เหมาะสม หากเป็นทิศเหนือหรือใต้ก็สามารถถ่ายภาพได้ทั้งวัน เพียงแต่มุมโพลาไรซ์อาจจะไม่ชัดเจนแจ่มแจ้งมากนัก นอกจากนี้แล้วบางมุมยังสะท้อนแสงอาทิตย์ด้วย ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับว่าคุณไปถ่ายภาพในช่วงใดของปี

เมื่อไปถึงน้ำตก

อย่ารีบร้อนใจเร็วกางขาตั้งถ่ายภาพทันที หยุดพิจารณาน้ำตกตรงหน้าเสียก่อนว่ามันมีจุดเด่นอย่างไร ควรจัดวางองค์ประกอบอย่างไร อย่าลืมคิดด้วยว่ากรอบสี่เหลี่ยมของกล้องถ่ายภาพไม่ได้เห็นกว้าง ๆ เท่ากับที่ตาเราเห็น แล้วควรจะจัดวางมันอย่างไรดี ดึงความรู้และประสบการณ์เรื่องการจัดองค์ประกอบภาพที่คุณมีมาใช้ให้เต็มที่ อย่าลืมเรื่องฉากหน้าและฉากหลังซึ่งมันจะช่วยคุณได้เยอะเกินกว่าที่จะละเลย มันไป
บริเวณน้ำตกส่วนใหญ่มักจะลื่นและไม่มั่นคงมากนัก ก่อนจะกางขาตั้งกล้องก็ลองสำรวจเรื่องความมั่นคงเสียก่อน ทดลองขยับลงน้ำหนักไปยังแต่ละขาด้วยมือโดยที่ยังไม่ต้องติดตั้งกล้องจน กระทั่งแน่ใจจริง ๆ

เราต้องเข้าใจและทำความเข้าใจ สปีดชัตเตอร์, รูรับแสง และค่า ISO ทั้งสามปัจจัยแต่ละอย่างมีคุณสมบัติแบบใด? มีผลต่อภาพอย่างไร? ควรลดหรือเพิ่มปัจจัยใดบ้าง?


         อย่างเช่นในการถ่ายน้ำตกนั้น จุดมุ่งหมายคือน้ำตกที่พลิ้วเป็นเส้นสายอย่างสวยงาม ความสำคัญอย่างแรกก็คือ ต้องใช้สปีดชัตเตอร์ที่ต่ำมากเพื่อบันทึกการเคลื่อนไหวของสายน้ำให้เป็นเส้น แต่มันก็จะเปิดทางให้แสงเข้าสู่กล้องได้มาก ดังนั้นเราต้องใช้รูรับแสงที่แคบเพื่อให้ใช้สปีดชัตเตอร์นานได้โดยที่แสง เข้าได้น้อย และลด ISO ให้ต่ำที่สุดเพื่อให้เซนเซอร์รับภาพมีความไวต่อแสงน้อยที่สุด ซึ่งทั้งสองปัจจัยหลังก็มีผลพลอยได้ให้สามารถใช้สปีดชัตเตอร์นานได้นั่นเอง

         ปรับกล้องไปที่โหมด M เลือกใช้ค่า ISO ค่ำที่สุดเพื่อให้มันไวแสงน้อยลงและเพื่อนคุณภาพของภาพระดับสูงสุด บีบรูรับแสงแคบที่ f/13 เพื่อให้ใช้สปีดชัตเตอร์ได้นาน เปลี่ยนไปใช้ระบบโฟกัสแบบ Manual แล้วปรับโฟกัสด้วยมือเพราะระบบโฟกัสอัตโนมัติทำงานกับสายน้ำได้ไม่ดีนัก ใช้ สปีดชัตเตอร์ที่ 1 วินาที แล้วลองถ่ายภาพแรก

          หากสายน้ำมีปริมาณมากและไหลแรง สปีดชัตเตอร์ 1 วินาทีก็ทำให้สายน้ำตกมีลักษณะเป็นเส้นได้แล้ว ถ้าภาพที่ได้ออกมายังมืดเกินไปก็เพิ่มสปีดชัตเตอร์ให้นานขึ้นอีก แต่ถ้าสว่างเกินไปก็ติดตั้งฟิลเตอร์ลดปริมาณแสงที่หน้าเลนาส์ แต่ถ้าสายน้ำตกไม่แรงเนื่องจากปริมาณน้ำมีน้อยก็ยิ่งต้องใช้สปีดชัตเตอร์ที่ นานยิ่งขึ้นไปอีก


           ถ้าภาพมืดเกินไปก็แสดงว่ามีปริมาณแสงเข้ามาสู่กล้องน้อยเกินไป กรณีนี้ให้เพิ่มสปีดชัตเตอร์ให้นานขึ้นหรือขยายรูรับแสงให้กว้างขึ้น ไม่ควรใช้วิธีเพิ่มค่า ISO ให้สูงขึ้น หากสภาพสว่างเกินไปก็ต้องสวมฟิลเตอร์ลดปริมาณแสงหรือบีบรูรับแสงให้แคบลง ก่อนที่จะเลือกใช้สปีดชัตเตอร์ให้เร็วขึ้น เพราะสปีดชัตเตอร์ที่เร็วขึ้นนั้นก็อาจหมายความว่าเส้นสายน้ำตกของเราจะไม่ สวยเท่าที่ควร อีกกรณีหนึ่งก็คือเลือกถ่ายภาพในเวล่าที่แสงมีน้อยกว่าเช่นจากบ่ายสามโมงมา เป็นห้าโมงเย็น

เทคนิคการใช้ผ้าเช็ดกล้องช่วยถ่ายภาพ
นี่คือเทคนิคสำหรับน้ำตกที่ไหลแรงและมีละอองน้ำกระเซ็นไปทั่วตลอดเวลา ซึ่งเราจะได้เห็นความสำคัญของผ้าเช็ดกล้องที่จะรับบทบาทสำคัญนอกไปจากแค่ทำ ความสะอาดอย่างที่มันเป็นโดยปกติ ละอองน้ำจะปลิวมาติดที่หน้าเลนส์อยู่ตลอดเวลาถ่ายภาพลำบากหรือแทบไม่ได้อะไร เลย ถ่ายไปเช็ดๆไปจนแทบจะหมดอารมณ์ และส่วนใหญ่มันก็ปลิวมาเกาะหน้าเลนส์อย่างรวดเร็วจนภาพมีแต่หยดน้ำเกาะเต็ม ไปหมด

ให้คุณติดตั้งกล้องเข้ากับขาตั้ง จับโฟกัส (Manual) ปรับค่าต่าง ๆ ให้เสร็จเรียบร้อย โดยที่ไม่ต้องสนใจละอองน้ำ เมื่อทุกอย่างเข้าที่ดีแล้วก็อ้อมไปยืนหน้ากล้องหันหลังให้น้ำตกเพื่อบัง ละอองน้ำ จากนั้นก็เอาผ้าเช็ดกล้องวางคลุมกล้องเอาไว้ทั้งตัวแล้วเช็ดหน้าเลนส์ให้ แห้งสะอาด คลุมกล้องด้วยผ้าทั้งผืนแล้วอ้อมกลับมายืนเหมือนเดิมที่หลังกล้อง

มือซ้ายจับชายผ้าที่หน้าเลนส์ไว้ นับหนึ่ง สอง สาม พอถึงสองก็ยกชายผ้าที่บังหน้าเลนส์ขึ้นแล้วลั่นชัตเตอร์ จนกระทั่งชัตเตอร์ปิดก็ปล่อยผ้าให้คลุมหน้าเลนส์ไว้เหมือนเดิม วิธีนี้จะทำให้คุณถ่ายภาพได้ต่อเนื่องหลายภาพ ผ้าที่คลุมทั้งกล้องเอาไว้จะช่วยให้คุณไม่ต้องพะวงกับละอองน้ำที่ปลิวมาเกาะ กล้อง ผ้าส่วนที่ปิดหน้าเลนส์เอาไว้ก็จะช่วยให้ถ่ายภาพต่อไปได้อีก


ทั้งหมดนั้นคือสิ่งที่คนถ่ายภาพจำเป็นจะต้องพิจารณาตัดสินใจเลือกแต่ละ เหตุผลโดยใคร่ครวญถึงผลที่จะเกิดขึ้นในภาพเป็นหลักว่าเวลาใด อุปกรณ์ชิ้นไหน ค่าเปิดรับแสงอย่างไร ฯลฯ จึงจะเหมาะสม นี่คือเสน่ห์หนึ่งของการถ่ายภาพด้วยกล้อง DSLR ซึ่งยากที่กล้องประเภทอื่นจะทำได้ จำเอาไว้ว่า “ไม่มีสูตรตายตัว” สำหรับการถ่ายภาพน้ำตก เพราะต้องขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัยและเหตุผลประกอบกัน อย่างที่เราบอกไปขั้นต้นนั้นก็เป็นเพียงตัวอย่างทั่วไปที่นักถ่ายภาพจำเป็น จะต้องประยุกต์เพิ่มลดตัดทอนเอาเองตามสถานการณ์เฉพาะหน้าหลังจากที่ผ่านการ พิจารณาด้วยความรู้ทางด้านการถ่ายภาพที่เรามี อย่างไรเสียสิ่งนี้ก็คือประสบการณ์อันล้ำค่าที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้ อยากรู้ก็ต้องลองดูนั่นเอง



 ข้อมูลและภาพ : www.tsdmag.com/photo-tutor/advanced/waterfall-exposure/


สั่งอัดรูปออนไลน์ / Digital Offset Print / Photo Gift / Photo Book
ได้ที่
www.masterphotonetwork.com

ติดตามข่าวสารและกิจกรรมดีๆ จากมาสเตอร์ได้ที่
Facebook : Master Photo Network

วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

10 สถานที่ยอดนิยม ถ่ายรูปแต่งงาน ของคู่บ่าวสาว

10 สถานที่ยอดนิยม ถ่ายรูปแต่งงาน ของคู่บ่าวสาว

ใกล้ถึงปลายปีเมื่อไร คู่หนุ่มสาวทั่วไปมักนิยมเตรียมตัวสละโสด ลั่นระฆัง เกี่ยวก้อยเข้าสู่ประตูวิวาห์กัน แต่ก่อนจะถึงวันที่ทั้งคู่จะชื่นมื่น รวมใจเป็นหนึ่งเดียวกันนั้น ต้องเตรียมงานกันนาน วุ่นวายกันเลยทีเดียว และหนึ่งภารกิจก่อนวันแต่งนั้นคือ การหาสถานที่ถ่ายรูปก่อนแต่ง หรือ pre-wedding ทางเว็บไซต์ เวดดิ้งโฮมออนไลน์มาร์เก็ตดอทคอม ได้รวบรวม 10 สถานที่ยอดนิยม ที่สุดแสนโรแมนติกเหมาะกับการไปถ่ายภาพแต่งงาน เพื่อเก็บเป็นภาพความทรงจำในวันแต่งงานของคู่บ่าวสาว

1. Palio Khaoyai (ปาลิโอ เขาใหญ่)

 


 สถานที่ในเขาใหญ่ที่กำลัง HIP คือ Palio หรือ ปาลิโอ ตั้งอยู่บนถนนธนะรัชต์ หลักกิโลเมตรที่ 17 ติดกับโรงแรมจุลดิศเขาใหญ่ รีสอร์ท แอนด์ สปา ท่านจะได้สัมผัส Palio เขาใหญ่ในบรรยากาศอิตาลี จนเผลอคิดว่าเราอยู่ในอิตาลีจริงๆ เพราะไม่ว่าจะเป็นอาคารถูกออกแบบให้เป็นกลุ่มอาคารถนนคนเดิน หรือสถาปัตยกรรมยุโรปโบราณแนวอิตาเลี่ยนสไตล์ที่รายล้อม และเป็นสถานที่ที่คู่บ่าวสาวเลือกไปถ่ายถ่าพแต่งงาน


2. สวนผึ้ง คันทรี ฮิลล์ รีสอร์ท

 



 สวนผึ้ง คันทรี ฮิลล์ รีสอร์ท รีสอร์ทสไตล์คันทรี ที่สรรสร้างขึ้นมาเพื่อมอบให้เป็นของขวัญสำหรับบการพักผ่อน ท่านได้สัมผัสกับมนเสน่ห์แห่งเทือกเขาตะนาวศรี ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ความเขียวขจีของผืนป่าแห่งนี้ ท่านจะได้ยินเสียงแว่วๆ จากเสียงกระซิบของสายธารผสานเสียงนกร้องก้องไพร มาร่วมกันขับกล่อมเพื่อความสุนทรีย์ พร้อมกับสายลมที่พัดพาทะเลหมอกมาหยอกล้อคุณอย่างใกล้ชิด จนทำให้คุณหลงไหล และยากที่จะลืม เหมาะสำหรับคู่รักที่ชอบการถ่ายภาพ และเหมือนได้มาฮันนีมูนก่อนล่วงหน้าด้วย


3. สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ)

 


 เป็นสถานที่ใจกลางเมืองที่เหมาะสมที่สุด หากต้องการถ่ายภาพแต่งงานในบรรยากาศสวนธรรมชาติ มีมุมให้ถ่ายได้ทั้งในร่มและกลางแจ้ง จึงสามารถถ่ายได้ทั้งวัน แดดจัดๆ ก็หลบเข้าร่มได้


4. พระราชวังสนามจันทร์

 


 โดดเด่นในเรื่องของบรรยากาศในสวนกลางแจ้ง เหมาะสำหรับการถ่ายภาพแต่งงาน เวลที่เหมาะแก่การถ่ายภาะควรเป็นช่วงที่แดดไม่แรงประมาณช่วงเช้าควรถ่ายรูปไม่เกิน 10.00 น. ช่วงบ่ายควนถ่ายไม่เกินบ่าย 3 โมง แล้วจะได้ภาพที่สวยงาม


5.สวิส วัลเลย์ ฮิพ รีสอร์ท (Swiss Valley Hip Resort)

 


 สัมผัสกับบรรยากาศที่ร่มรื่น และกลิ่นไอธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์ และความหนาวเย็นตลอดปี ของที่ราบสูงที่ สวิส วัลเลย์ ฮิพ รีสอร์ท ที่พักของเราได้รวมบรรยากาศดีๆ ดังกล่าวทั้งหมดมาอยู่รวมกัน เพื่อให้ท่านได้ชื่นชม และสัมผัสกับความรู้สึกดีๆ ที่ไม่สามารถหาได้จากในเมือง เราจัดบรรยากาศให้เป็นธรรมชาติเพื่อเป็นการผ่อนคลาย และเสริมสร้างสุขภาพที่ดี


6. Silver Lake(ซิลเวอร์เลค) จ.ชลบุรี

 


นับตั้งแต่วินาทีแรกที่มาเยือนคุณจะได้สัมผัสถึงความร่มรื่นของไร่องุ่นที่มีพื้นที่ติดกับเขาชีจรรย์ และอ่างเก็บน้ำชลประทาน จึงทำให้คุณรู้สึกผ่อนหลายและเหมาะแก่การถ่ายรูปสวยๆ


7. ซานโตรินี พาร์ค ชะอำ” (Santorini Park Cha-Am)

 


 ซานโตรินี พาร์ค ชะอำ “สีสันใหม่แห่งประสบการณ์ความสนุก” บนพื้นที่กว่า 60 ไร่ ท่ามกลางสถาปัตยกรรมที่ได้แรงบันดาลใจมาจากบรรยากาศอันงดงามของ เกาะซานโตรินี ประเทศกรีซพร้อมสนุกไปกับเครื่องเล่นนานาชนิดที่สั่งตรงจากต่างประเทศ ที่นี่จะมอบสีสันใหม่แห่งประสบการณ์ความสนุก ให้คุณประทับใจมิรู้ลืม


8. เกาะสีชัง

 


 เกาะสีชัง เป็นเกาะใหญ่ซึ่งเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดชลบุรี อยู่ห่างจากฝั่งศรีราชา ประมาณ 12 กิโลเมตรเป็นที่จอดพักเรือสินค้านานาชาติ และเป็นเกาะที่น่าท่องเที่ยว ในบรรยากาศแบบ ท้องถิ่น ซึ่งสามารถแวะท่องเที่ยวในวันเดียวหรือพักค้างคืนก็ได้ เป็นเกาะที่มีความสวยงามทางด้านทางธรรมชาติอีกเกาะหนึ่งที่มีวิวสวยงาม


9.เพลินวาน @หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์

 



 เพลินวาน คือสถานที่ท่องเที่ยวแนวใหม่ของหัวหิน ด้วยการออกแบบตกแต่งให้มีลักษณะคล้าย ๆกับหมู่บ้านย้อนยุค ที่เพลินวาน มีร้านขายของอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านเสื้อผ้า ร้านขายขนม และร้านเหล้าในสมัยก่อน ในบริเวณเพลินวานยังมีการตกแต่งสถาน ที่ให้เหมาะสำหรับการถ่ายรูปเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก มีทั้งมุมบันเทิงในอดีต โปสเตอร์หนัง ภาพวาดและภาพถ่ายของเหล่าดาราไทยในอดีตที่บางท่านอาจไม่คุ้นเคยนัก


10.บ้านหม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์



 บ้าน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ไว้เพื่ออนุรักษ์ให้เป็นมรดกสู่คนรุ่นหลัง โดยมีความประสงค์ให้ใช้พื้นที่กว่า 5 ไร่ พร้อมด้วยองค์ประกอบอันสวยงามของบ้านทรงไทยอายุกว่า 200 ปี เปิดเพื่อให้หน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน รวมไปถึงผู้ที่สนใจที่จะใช้พื้นที่ของบ้านนี้จัดงาน พิธีการ หรืองานมงคลต่างๆ นอกเหนือไปจากที่ทางบ้านได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าเยี่ยมชม รายได้ต่างๆ จะนำไปใช้ในการดูแลซ่อมแซม และปรับปรุงภูมิทัศน์ต่างๆ ของบ้าน

ข้อมูลและภาพ : wedding.homeonlinemarket.com/

สั่งอัดรูปออนไลน์ / Digital Offset Print / Photo Gift / Photo Book
ได้ที่
www.masterphotonetwork.com

ติดตามข่าวสารและกิจกรรมดีๆ จากมาสเตอร์ได้ที่
Facebook : Master Photo Network

วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เทคนิคแต่งภาพเด็ด : แต่งภาพสวยใส สไตล์ JAPAN

เทคนิคแต่งภาพเด็ด : แต่งภาพสวยใส สไตล์ JAPAN

              วันนี้ถึงเวลาของ เทคนิคการแต่งภาพ ที่จะมาสลับคั่นกันระหว่างเทคนิคการถ่ายภาพ นะครับ ซึ่งวันนี้ พี่บอยจะเอาวิธีการแต่งภาพสไตล์ ญี่ปุ่นมาฝากน้องๆ กัน วิธีการทำนั่นอาจจะดูยุ่งยากหน่อย แต่สวยแจ่ม แน่นอน!! 


ภาพที่พี่บอยจะนำมาแต่งคือภาพนี้


 ขั้นตอนแรก เปิดภาพที่ต้องการในโปรแกรมแต่งภาพ
ในที่นี้พี่บอยใช้ Adobe photoshop นะครับ




ถัดมา กดไอคอนรูปวงกลมครึ่งขาว-ดำ



จากนั้นเลือก Levels



จะขึ้นเลเยอร์ขึ้นมาอีก 1 อัน
 จากนั้นก็ดับเบิลคลิก ที่รูปหน้าเลเยอร์



จะขึ้นมาหน้าตาแบบนี้ จากนั้น กดลูกศรตรงแถบที่มี่ RGB
 จะลงมามีสีให้เลือกเป็น Red Green Blue
 ให้กดเลือกทีละสี



Red
ลูกศรแดง ใส่ค่า 42     ลูกศรเขียวใส่ค่า 246


Green

ลูกศรแดง ใส่ค่า 42     ลูกศรเขียวใส่ค่า 243


Blue

ลูกศรแดง ใส่ค่า 42     ลูกศรเขียวใส่ค่า 221



เริ่มเปลี่ยนสีแล้ว!!!



ถึงภาพจะเปลี่ยนสีแล้ว แต่เรายังไม่พอ กด ไอคอนรูปวงกลมครึ่งขาว-ดำ เหมือนขั้นตอนที่ 2
 แต่เราเลือกเป็น Curves



เหมือนขั้นตอนที่เราทำกับ Levels เลย ดับเบิลคลิกที่รูปหน้าเลเยอร์
 แล้วก็ทำ เส้นให้เหมือนในรูป โดยการเลือกทีละสี
(คลิ๊กค้าง ตรงเส้นจะเกิดจุดให้เราขยับเส้นได้)


จากนั้น เลือกเลเยอร์ที่เป็นรูปตั้งต้น (เลเยอร์ที่ชื่อว่า blackground)
แล้วก็ไปที่ Image > Adjustments > Color Balance



จะขึ้นมาหน้าตาแบบนี้ ให้เรา เลื่อน แถบแรกและ แถบสุดท้าย
 (เลื่อนให้ภาพเป็นสีอมฟ้าๆ) เสร็จแล้วก็กด OK



เสร็จแล้ว เราก็เพิ่มอักษรข้อความแบบ ญี่ปุ่นๆ เข้าไปก็ถือว่าสำเร็จเสร็จสิ้น!!










  ทีมา : พี่บอย Dek-D.com



สั่งอัดรูปออนไลน์ / Digital Offset Print / Photo Gift / Photo Book
ได้ที่
www.masterphotonetwork.com

ติดตามข่าวสารและกิจกรรมดีๆ จากมาสเตอร์ได้ที่
Facebook : Master Photo Network

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
"มาสเตอร์" เรามีประสบการณ์ด้านการอัดภาพมายาวนานกว่า 40 ปี โดยเราเป็นรายแรกในประเทศไทยที่ลงเครื่องอัดภาพระบบต่อเนื่อง ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของคำว่า "รอรับได้ทันที" ที่ใช้กันแพร่หลายในปัจจุบัน "มาสเตอร์" เป็นรายแรกที่บุกเบิกการอัดภาพระบบดิจิตอลอย่างเป็นระบบและครบวงจร เป็นผู้สร้างมาตรฐานรูปแบบการอัดต่างๆ ในการสั่งอัดรูปดิจิตอล นอกจากนี้ “มาสเตอร์” ยังเป็นผู้สร้างสรรค์งานออกแบบและงานผลิตสิ่งพิมพ์คุณภาพทุกชนิด "มาสเตอร์" เล็งเห็นถึงความสำคัญของการใช้อินเตอร์เน็ตและประโยชน์ที่ลูกค้าได้รับ เว็บไซต์ www.MasterPhotoNetwork.com จึงถูกก่อตั้งขี้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 และเปิดให้ลูกค้าสามารถอัพโหลดและสั่งอัดภาพผ่านทางหน้าเวปไซต์ในปี พ.ศ.2551 เป็นต้นมา ปัจจุบันมีลูกค้าใช้บริการผ่านระบบออนไลน์ของเราจากทุกภาคทั่วประเทศ เรามีระบบการจัดส่งที่หลากหลายเพื่อความสะดวกสบายของลูกค้า และด้วยพนักงานที่จะคอยดูแลท่านพร้อมเครื่องอัดภาพที่ทันสมัยที่สุด เราสามารถรองรับงานได้ทุกรูปแบบ ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่างานที่ออกไปจากเราจะมีคุณภาพที่เป็นมาตรฐานและส่งตรงถึงมือลูกค้าอย่างแน่นอน