Alex MacLean ช่างภาพทางอากาศมือหนึ่งของอเมริกา
Alex MacLean ช่างภาพทางอากาศมือหนึ่งของอเมริกา
Alex MacLean ช่างถ่ายภาพทางอากาศมือหนึ่งของอเมริกา พูดคุยกับGeoff Harris เกี่ยวกับอาชีพรุ่งเรืองที่อยู่บนอากาศตลอดเวลา
Alex MacLean เริ่มการเป็นช่างถ่ายภาพทางอากาศตั้งแต่ปี 1970
ภาพถ่ายของเขาได้รับการจัดแสดงอย่างกว้างขวาง เขาได้รับรางวัลมากมายรวมถึง
รางวัลงานหนังสือนานาชาติโครีนปี 2009 รางวัลกรุงโรมสำหรับภูมิสถาปัตย์
Alex ได้เขียนหนังสือ 11 เล่ม รวมถึง Over: The American Landscape at the
Tipping Point และ Up on the Roof: New York’s Hidden Skyline Space
Alex MacLean
เป็นปรมาจารย์มือหนึ่งด้านการถ่ายภาพทางอากาศของสหรัฐอเมริกา
ในชีวิตการทำงานมากว่า 40 ปี
เขาเคยบินเหนืออเมริกามาทั่วแล้วเพื่อเก็บภาพภูมิทัศน์ซึ่งมีทั้งไร้กาลเวลา
และเปลี่ยนแปลงอยู่เนืองนิจ ด้วยภูมิหลังการฝึกฝนเป็นสถาปนิก
เขาได้ถ่ายทอดประวัติศาสตร์และวิวัฒนาการของผืนแผ่นดินจากดินแดนเกษตรกรรม
อันกว้างใหญ่ไปจนถึงรูปแบบตารางของเมือง
โดยบันทึกภาพการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากฝีมือมนุษย์และกระบวนการทางธรรมชาติ
“ผมสนใจการถ่ายภาพตั้งแต่เด็ก
แต่มาเริ่มสนใจอย่างจริงจังเมื่อตอนเรียนสถาปัตย์” Alex กล่าว
“ผมได้ยินอาจารย์คนหนึ่งพูดถึงภาพถ่ายทางอากาศ
ซึ่งดึงดูดความสนใจผมมากโดยเฉพาะเมื่อผมมีเพื่อนสนิทที่ลุงของเขาเป็นเจ้า
ของโรงเรียนฝึกบินที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา”
“ผมได้ไปทำงานในฐานะผู้ดูแลค่ายที่โรงเรียนฝึกบินแห่งนี้ซึ่งทำให้ผม
สามารถฝึกบินได้เมื่อมีเวลาว่าง ผมได้ใบอนุญาตนักบินมาในเวลาไม่นานนัก”
หลังจากการเรียนต่อ Alex ได้งานที่บริษัทภูมิสถาปัตย์แห่งหนึ่ง
แต่ธุรกิจไปได้ไม่ดีนักเมื่อเศรษฐกิจตกต่ำ
“ผมเลยตัดสินใจไข่วคว้าสิ่งที่ผมชอบสามอย่าง คือ การขับเครื่องบิน
การถ่ายภาพ และภูมิทัศน์
โดยการพยายามหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นช่างถ่ายภาพทางอากาศ ตอนแรกๆ
ก็ไม่ค่อยมีงานนัก และผมต้องเป็นพนักงานเสิร์ฟเพื่อหาเงินเพิ่ม
แต่ในที่สุดก็เริ่มมีงานถ่ายภาพทางอากาศเข้ามาจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์
ต่างๆ
“ผมซื่อไปในตอนแรก
ผมไม่รู้ว่าผมสามารถบอกราคาที่แตกต่างกันได้ระหว่างลูกค้าหลายรายสำหรับภาพ
เดียวกัน และไม่มีความรู้เอาเสียเลยเกี่ยวกับลิขสิทธิ์กับการใช้งานและอื่นๆ
แต่ผมก็ได้เรียนรู้ในเวลาต่อมา”
หัวข้องานและรูปแบบ
Alex ยังได้ขายภาพทางอากาศให้แก่ห้องสมุดมหาวิทยาลัยต่างๆ
เพื่อเป็นสื่อการเรียนการสอน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการถ่ายภาพของเขามาก
“มันทำให้ผมนึกถึงหัวข้อและรูปแบบของภูมิทัศน์หลากหลายแนว เช่น
สวนสาธารณะในเมืองและถนนหนทาง ไปจนถึงพื้นที่เกษตรกรรมแบบต่างๆ
ผมเริ่มมองเห็นภาพพื้นที่ต่างๆ ที่จะรวบรวมไว้และสร้างเป็นผลงานขึ้นมาได้”
งานใหญ่เข้ามาเมื่อสถาบันเงินทุนเพื่อศิลปะแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาได้
ว่าจ้าง Alex ดำเนินโครงการใหญ่เกี่ยวกับเมืองขนาดเล็ก
“ในที่สุดผมก็สามารถซื้อเครื่องบินเป็นของตนเองได้
ซึ่งทำให้การถ่ายภาพของผมเปลี่ยนไป” Alex ย้อนความหลัง
เมื่อ Alex เริ่มก้าวเข้าสู่วงการช่างถ่ายภาพทางอากาศในช่วงปี 1970 นั้น
มีบริษัทคู่แข่งเพียงไม่กี่ราย
“มันให้ความรู้สึกเหมือนผมกำลังสำรวจโลกใหม่” เขาจำได้ว่า
“ดังนั้นผมจึงสามารถสร้างสไตล์ของผมเองได้
ในตอนแรกผมเน้นการถ่ายทอดความสวยงามของภูมิทัศน์
แต่ต่อมาผมเริ่มให้ความสำคัญต่อการเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมา
จากมลพิษและการขยายเมืองและอื่นๆ ในโครงการใหญ่ๆ ที่ผมถ่ายภาพทั้งภูมิภาค
ผมพบว่าผมชอบที่จะเริ่มงานโดยไม่มีความรู้เกี่ยวกับสถานที่นั้น
และได้สำรวจมันด้วยตาของผมเอง
แน่นอนผมจะอ่านข้อมูลและศึกษาสัญลักษณ์ของพื้นที่ที่ผมจะถ่ายภาพก่อนทำงาน
แต่ผมไม่ชอบที่จะกะเกณฑ์สิ่งต่างๆ ล่วงหน้า
การได้เข้าไปยังสถานที่ที่ผมไม่เคยถ่ายภาพมาก่อนมันน่าตื่นเต้นมากๆ”
มากกว่าความงาม
แน่นอนอยู่แล้วว่าการขับเครื่องบินขณะถ่ายภาพกลางอากาศไปด้วยเป็นทักษะ
ที่ต้องอาศัยเวลาในการสร้างความชำนาญ
“คุณต้องแม่นในเรื่องตำแหน่งและการคาดหมายสิ่งที่จะเกิดขึ้น” Alex
อธิบายแบบฟังดูเป็นเรื่องง่ายตามลักษณะนิสัยถ่อมตัวของเขา
“มีหลายสิ่งที่คุณต้องคิด อย่างแรกคือการคำนึงถึงเรื่องแสง
เมื่อคุณบินวนรอบสิ่งที่คุณจะถ่าย
แสงจะเปลี่ยนไปและคุณจะต้องใช้มันให้เป็นประโยชน์
เทคนิคการถ่ายย้อนแสงก็เยี่ยมสำหรับการให้แสงแก่ทุ่งหญ้าในขณะที่ผืนน้ำจะ
มืดสนิท หรือสะท้อนแสงเป็นกระจกเงา เป็นต้น จากนั้น
คุณก็ต้องคิดถึงขนาดภาพถ่ายที่ความสูง 500 ฟุต จะต่างจากภาพถ่ายที่ระดับ
2000 ถึง 3000 ฟุต”
Alex ต่างจาก Jason Hawkes
นักถ่ายภาพทางอากาศมือหนึ่งของอังกฤษที่เราเคยได้สัมภาษณ์ไปแล้ว
จากการที่เขาชอบถ่ายภาพในเวลากลางวันมากกว่ากลางคืน “กลางวันให้โอกาสต่างๆ
มากกว่า แน่นอนว่ากลางคืนน่าสนุกและตื่นเต้นกว่า และ ISO
ความไวแสงสูงในกล้องดิจิตอลจะทำให้การถ่ายภาพง่ายขึ้น
แต่ผมยังมองว่ามันมีข้อจำกัดอยู่
กลางคืนเป็นเหมือนเครื่องกรองที่ชี้นำให้ผู้ชมได้รับสารอีกแบบ
มันจำกัดความคิดในแบบนี้ แต่ก็เหมาะสำหรับการถ่ายภาพเมือง ถนน
และโครงข่ายถนนต่างๆ”
เมื่อพูดถึงการจัดองค์ประกอบภาพที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก Alex
มีแนวคิดที่น่าสนใจ “ผมมักจะใคร่ครวญถึงรูปลักษณะของสิ่งของและสี
แล้วผมก็ยังคิดถึงภาพทิวทัศน์ในลักษณะ 4 มิติ โดยมิติที่สี่คือเวลา
ภูมิทัศน์จะเปลี่ยนแปลงตลอดถ้าคุณคำนึงถึงกาลเวลา
และคุณถ่ายทอดเวลาผ่านทางการเคลื่อนไหวหรือความเปลี่ยนแปลง
การขยับเคลื่อนของอะไรบางอย่าง เช่น ก้อนเมฆ
หรือรถมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านทะเลทราย”
การจัดแสงและวางกรอบภาพ
“ผมต้องการเก็บรูปทรงเรขาคณิตที่มีความเกี่ยวโยงกับสิ่งอื่นไว้ในภาพ
พูดง่ายๆ คือ ผมชอบให้มีสิ่งที่แตกต่างกันในรูป โดยลองใช้เหลี่ยมมุม เขตแดน
การวางทับซ้อน และอื่นๆ เพื่อเน้นความแตกต่างทางสายตา
การวางตำแหน่งของสิ่งต่างๆ ในกรอบที่คุณจะถ่ายมีความสำคัญมากทีเดียว”
กล้องดิจิตอลช่วยช่างภาพทางอากาศอย่าง Alex ได้มาก เขาอธิบายว่า
“ผมมีปัญหาในการเปลี่ยนมาใช้กล้องดิจิตอลในช่วงปี 2003 ถึง 2004
และได้พยายามที่จะใช้ทั้งกล้องดิจิตอลและกล้องที่ใช้ฟิล์ม แต่มันไม่ได้ผล
แล้วก็มีใครสักคนที่บอกผมว่ามันก็เหมือนการวาดภาพสีน้ำกับการวาดภาพสีน้ำมัน
ที่คุณจะต้องใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งทำให้ความคิดผมเปลี่ยนไป
ตอนนี้ผมใช้แต่กล้องดิจิตอลเท่านั้นเพราะภาพที่ออกมามีความละเอียดมากกว่า”
“ข้อมูลของภาพถ่าย (Metadata) ก็มีประโยชน์มากด้วย คุณได้
ข่าวสาร
และผลตอบรับมากมาย การมีข้อมูลของภาพจะช่วยบอกได้ว่าแบบไหนใช้ได้หรือไม่ได้
และกับกล้องดิจิตอลคุณไม่ต้องคอยเรียงฟิล์มตามลำดับซึ่งเป็นเหมือนฝันร้ายบน
อากาศเลยล่ะ”
ใช้โหมดปรับตั้งความเร็วชัตเตอร์เอง
Alex
ถ่ายภาพโดยไม่ใช้อุปกรณ์อื่นช่วยเพื่อให้ได้ความละเอียดของภาพและแสงมากที่
สุดโดยใช้การปรับแต่งภาพเข้าช่วย
แต่เขาถ่ายโดยใช้โหมดปรับตั้งความเร็วชัตเตอร์เอง (Shutter Priority mode)
มากกว่าโหมดแมนวลหรือโหมดปรับตั้งช่องรับแสงเอง (Aperture Priority mode)
“ผมชอบถ่ายที่ความเร็ว 1/200 วินาที ISO อัตโนมัติ” เขากล่าว
“ภูมิทัศน์ก็เหมือนฉากสีเทาซึ่งค่อนข้างแน่นอนและคุณไม่ต้องปรับแต่งกล้อง
มากนัก นอกจากบางกรณี เช่น เมื่อคุณจะถ่ายภาพหิมะ
คุณต้องเปิดหน้ากล้องกว้างเพื่อให้ภาพหิมะออกมาเป็นสีขาว
ภาพของผมส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 95
ถ่ายได้ออกมาตรงตามต้องการเมื่อถ่ายด้วยโหมดปรับตั้งความเร็วชัตเตอร์เอง
ผมจึงไม่ต้องปรับแต่งด้วยโปรแกรมอย่างโฟโต้ช็อปอะไรมากหลังจากถ่ายภาพแล้ว”
แล้วเป้าหมายในอนาคตของช่างถ่ายภาพทางอากาศมือฉมังคนนี้คืออะไร?
ดูเหมือนเขาจะได้เห็น ได้ทำมาหมดแล้วสำหรับการถ่ายภาพทางอากาศ
“สิ่งที่ผมหวังมากที่สุดคือการมีเวลามากกว่านี้! ตอนนี้ผมอายุ 66 แล้ว
แต่ว่าช่างถ่ายภาพทางอากาศบางคนทำงานจนถึงอายุเจ็ดสิบเลยนะ
ใครจะรู้ว่าในอนาคตการถ่ายภาพของผมจะเป็นอย่างไร”
“ผมอยากทิ้งผลงานที่บอกเล่าเรื่องราวในช่วงเวลาของผมไว้
โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความยั่งยืน เมื่อเร็วๆ
นี้ ผมได้ถ่ายภาพทางอากาศเหนือเยอรมนี
และรู้สึกประทับใจความเจริญรุ่งเรืองพร้อมกับความยั่งยืนของพื้นที่
พวกเขาดูเหมือนจะมีสมดุลย์ที่ดี และผมอยากจะศึกษาเรื่องนี้ให้มากขึ้น”
ชมภาพเพิ่มเติมได้ที่ www.alexmaclean.com
Santa Rosa Island, Florida
Santa Rosa
ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากเฮอริเคนในปี 2004 และ
2005 น้ำทะเลที่สูงขึ้นกัดเซาะชายฝั่ง
แต่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวก็ยังดึงดูดนักลงทุนมาปลูกสร้าง
Conrad, Montana, 1991
ทุ่งข้าวสาลีเอนลู่ทำมุมฉากตามแรงลม
North Central, Ohio, 1996
แนวมะเขือเทศเขียวที่ถูกทิ้งอยู่บนลานใกล้โรงงานบรรจุกระป๋อง
Tuscon, Arizona, 1994
สุสาน B-52 สำหรับเครื่องบินรบที่หยุดบินจากสนธิสัญญาอาวุธสงครามกับอดีตสหภาพโซเวียต
Southern New Hampshire, 1982
ภาพรถเก่าดูสวยดีแต่การปล่อยให้ผุพังริมฝั่งแม่น้ำเป็นเรื่องที่น่ากังวล
Cincinnati, Ohio, 1987
Alex ถ่ายภาพย่านเสื่อมโทรมในเมืองระหว่างบินไปชานเมือง
ในกระเป๋าของเขา
กล้อง SLR ตัวโปรดของผมคือ Canon EOS 50 Mark III
ซึ่งดูจะไว้ใจได้มากกว่าตัว Mark II ในเรื่องของเลนส์ ผมชอบเลนส์ของ Canon
ขนาด 70-200 มม. f/2.8 L Series และขนาด 24-105 มม. กับขนาด 135 มม.
ผมเคยมีปัญหากับการใช้เลนส์ซูมและการตัดแต่งภาพ แต่ตอนนี้ผมชินแล้ว
เครื่องบินโปรดของผมคือ เครื่องเซสนาปีกสูง ระยะบิน 150-182
และเครื่องบินเล็กเบา
เบื้องหลังภาพถ่าย
“ตอนผมถ่ายภาพนี้ผมเพิ่งจะเปลี่ยนจาก Nikon มาใช้ Canon และตอนนี้ผมอาจจะเปลี่ยนกลับอีกครั้ง!”
องค์ประกอบภาพ
ภาพนี้ถ่ายในปี 1990
เป็นภาพสาหร่ายที่ขึ้นอยู่ระหว่างขอนไม้ในแม่น้ำโคลัมเบีย
ผมบินผ่านมันและถ่ายรูปไว้จำนวนหนึ่งแต่รูปนี้เป็นรูปที่ดีที่สุดเพราะ
น้ำหนักของภาพที่ทุกสิ่งวางอยู่เกือบจะตรงกึ่งกลาง
ความสมดุลย์ของภาพเป็นสิ่งสำคัญสำหรับภาพถ่ายทางอากาศ
ค่าเปิดรับแสง
“ผมถ่ายโดยใช้โหมดปรับตั้งความเร็วชัตเตอร์เองตามที่ผมถนัด
ความเร็วของชัตเตอร์ที่ 1/1000 วินาที
ตามปกติผืนดินจะทำหน้าที่เหมือนฉากเทาอยู่แล้วแต่รูปนี้ผมต้องวัดค่าต่างๆ
อย่างระมัดระวังเพราะความมืดของน้ำ
อุปกรณ์
ถ่ายด้วยกล้อง Canon แบบใช้ฟิล์ม EOS 35 มม. กล้อง SLR
ที่มีโฟกัสอัตโนมัติเป็นอะไรที่ต้องอาศัยความคุ้นเคยแต่มันทำให้งานของผม
ง่ายขึ้นเยอะเลยผมถ่ายภาพนี้ด้วยฟิล์ม Kodachrome 64 (Kodachrome 64)
เพราะชอบความละเอียดของเนื้อภาพ และผมตั้ง ISO
ไว้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็นเพื่อควบคุมจุดเด่นของภาพ
“ผมคำนึงถึงรูปทรงต่างๆ มาก แล้วผมก็ยังคิดถึงภาพทิวทัศน์ในลักษณะ 4 มิติ โดยมิติที่สี่คือเวลา”
ที่มา: hitech.sanook.com
ติดตามข่าวสารและกิจกรรมดีๆ จากมาสเตอร์ได้ที่
Facebook : Master Photo Network
คำคมที่ใช้ในการถ่ายภาพ , Photo Book, ภาพตลก, ภาพ สวยๆ, ภาพข่าว, ภาพถ่าย, ร้านมาสเตอร์,