วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

วิธีการถ่ายภาพสายน้ำตก

วิธีการถ่ายภาพสายน้ำตก


เขาถ่ายภาพน้ำตกกันอย่างไร?

เมื่อถึงเวลาปลายฝนต้นหนาวอย่างเดือนตุลาคม คนหลังกล้องหลายคนวางแผนเอาไว้แต่เนิ่น ๆ แล้วว่าจะต้องเดินทางไปเก็บภาพน้ำตกที่ไหนสักแห่งหนึ่ง เพราะช่วงเวลานี้คือเวลาที่เหมาะ น้ำตกส่วนใหญ่จะมีน้ำใสไหลแรง บรรยากาศของผืนป่าก็เขียวชอุ่มพุ่มไสวไปด้วยอำนาจแห่งความชุ่มฉ่ำที่ซึมซับ สะสมมาหลายเดือน องค์ประกอบทั้งหลายเล็กใหญ่ของน้ำตกอวดโฉมสะพรั่งเต็มที่ ไม่ว่ามันจะรอคอยอยู่หรือไม่ เมื่อจะต้องไปถ่ายภาพน้ำตก จะมีแต่เรี่ยวแรงเดินทางพร้อมกับกล้องคู่ใจ ทักษะวิธีในการเก็บภาพก็เป็นสิ่งที่ต้องพกพาติดตัวไปด้วยเสมอ เพราะสถานการณ์แต่ละรูปแบบนั้นมักจะไม่ซ้ำกัน การเก็บภาพให้ได้สวยงามก็ต้องผ่านการคิดพิจารณาเพื่อกลั่นกรองออกมา

ก่อนไป มีอะไรจะต้องรู้?

1. ช่วงเวลาไหนที่น้ำตกนั้นๆ จะมีน้ำมากที่สุด

หาข้อมูลก่อนไปจะช่วยให้เราวางแผนได้ถูกเวลา ยิ่งถ้าเป็นน้ำตกที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติก็ยิ่งง่าย เพราะเราสามารโทรศัพท์ติดต่อสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ได้ก่อน อาจจะถามถึงสภาพปัจจุบันเลยก็ได้ว่าน้ำเป็นอย่างไร? จำนวนมากน้อย? (เพราะบางช่วงน้ำจะยังเป็นสีแดงเนื่องจากตะกอนดินที่น้ำป่าพัดพามา) ฯลฯ

2. ฝนตกหรือไม่?

บางพื้นที่ก็จะมีสภาพอากาศต่างไปจากที่เราคุ้นเคย ช่วงเดือนตุลาคมฯ นั้นเราเข้าใจกันเป็นปกติว่าปลายฝนต้นหนาวคงไม่ค่อยมีฝนตกสักเท่าไหร่ แต่ทางพื้นที่ทางด้านฝากฝั่งตะวันตกของประเทศ เช่น กาญจนบุรี, ประจวบคีรีขันธ์ หรือจังหวัดอื่น ๆ เพิ่งจะเริ่มย่างเข้าสู่ฤดูฝนเท่านั้นเอง เราก็จะได้เตรียมตัวถูก เพราะถ้าฝนตกตลอดเวลาก็อาจจะกลายเป็นว่าต้องนั่งถ่ายอยู่ในเต็นท์หรือบ้าน พักแทน นอกจากนี้จะได้เตรียมตัวอุปกรณ์เพื่อป้องกันกล้องและอุปกรณ์รวมทั้งตัวของ เราเองด้วย


3. สภาพทางภูมิศาสตร์ของตัวน้ำตก

ตัวน้ำตกอยู่กลางแจ้งหรือในร่มไม้? หันหน้าทิศทางใด? ถ้าหากเรารู้สองปัจจัยนี้จะช่วยได้มากในเรื่องการวางแผนเดินทางและตระเตรียม อุปกรณ์ เราอาจจะหาข้อมูลล่วงหน้าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันนี้ระบบ GPS ถูกใช้งานกันอย่างแพร่หลาย น้ำตกบางแห่งก็ถูกระบุตำแหน่ง GPS เอาไว้แล้ว บางทีเราอาจจะสามารถใช้ Google Earth เพื่อตรวจดูสภาพและจ้อมูลที่ว่านี้ก่อนเดินทางได้เลย

ส่วนเรื่องอย่างอื่นที่เป็นเรื่องของการเดินทางหรือเดินป่า ก็ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมดูอีกที เรื่องเหล่านี้เป็นประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะน้ำตกลึกลับที่ไม่ค่อยมีใครไปกันเท่าไหร่นัก แต่น้ำตกพวกนี้มักจะมีสภาพที่ยังสมบูรณ์เพราะมีคนเข้าไปสร้างความเสียหาย น้อยนั่นเอง

อุปกรณ์ที่จำเป็น

1. กล้องและเลนส์

แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องมี แต่เราจำเป็นต้องรู้ข้อจำกัดบางประการเอาไว้ด้วย หากกล้องและเลนส์ของเราไม่ใช่ระดับเกรดโปร นั่นหมายความว่ามันไม่มีคุณสมบัติในการต้านทานละอองน้ำและความชื้นมากนัก มีอยู่ไม่น้อยเหมือนกันที่ไม่ถึงกับเข้าไปบุกตะลุยถ่ายภาพกลางน้ำแต่กล้อง และเลนส์ก็ลากลับบ้านเก่าไปก่อน น้ำตกบางที่นั้นมีความชื้นสูงมากโดยเฉพาะน้ำตกที่ไหลแรงก็ย่อมจะมีละอองน้ำ กระเซ็นไปทั่ว พื้นที่แบบนี้ต้องระมัดระวังให้ดีว่ากล้องอาจจะรับสภาพไม่ไหว ทางที่ดีคือต้องห่อมันเอาไว้ในพลาสติกอีกหนึ่งชั้น และระหว่างทางก็อย่าเอามันออกมาถ่ายภาพสะสมความชื้น เมื่อไปถึงแล้วก็รีบเอาออกมาถ่ายภาพแล้วก็รีบเก็บ อย่าทิ้งมันไว้ข้างนอกนานนักเพราะจะมีความชื้นเล็ดลอดเข้าสู่ภายในได้ตลอด เวลา

เลนส์ทุกระยะโฟกัสสามารถใช้ถ่ายภาพน้ำตกได้หมดเพราะขึ้นอยู่กับสภาพสถาน ที่ แต่โดยมากแล้วก็จะนิยมเลนส์มุมกว้าง เลนส์เทเลโฟโต้ก็สามารถใช้ถ่ายภาพได้เช่นกัน อาจจะไม่สามารถเก็บทั้งตัวน้ำตกและสายน้ำได้ แต่ก็สามารถใช้เพื่อเจาะรายละเอียดในบางมุมที่สวยงามได้ และน้ำตกบางแห่งที่ไม่สามารถเข้าใกล้ได้ก็จะส่งผลให้เลนส์เทเลฯ กลายเป็นพระเอกในทันที ส่วนเลนส์มุมกว้างนั้นก็เป็นได้แค่พระรองเพราะจะทำให้ตัวน้ำตกดูเล็กเกินไป

2. ขาตั้งกล้อง

อุปกรณ์สุดแสนสำคัญสำหรับการถ่ายภาพน้ำตก เพราะเราต้องใช้สปีดชัตเตอร์ช้าในระดับที่ใช้มือเปล่าถือกล้องไม่ไหว ขอแนะนำให้เป็นขาตั้งกล้องที่เยาและแข็งแรงมั่นคงที่สุดเท่าที่คุณจะมีได้ น้ำหนักเบาจะช่วยให้มันไม่เป็นภาระมากเกินไปเมื่อต้องเดินนาน ๆ ความมั่นคงของขาตั้งจะเป็นหลักประกันให้กับกล้องและอุปกรณ์ของคุณเมื่ออยู่ ในพื้นที่เสี่ยงซึ่งมีน้ำอยู่ทั่วไป การประหยัดค่าตัวขาตั้งกล้องนั้นไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก เพราะสุดท้ายแล้วกล้องและเลนส์ราคาแพงของเราก็ต้องฝากเอาชีวิตเอาไว้กับมัน อยู่ดี ขาตั้งกล้องที่มีความสามารถในการกางขาได้หลายรูปแบบก็เป็นสิ่งที่แนะนำ เพราะในสภาพพื้นที่เป็นโขดหินใหญ่น้อยอย่างน้ำตกนั้น ขาตั้งที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าก็จะช่วยให้เราได้เปรียบในเรื่องของมุมภาพ ด้วย

อุปกรณ์ที่ควรมี

1. สายลั่นชัตเตอร์หรือรีโมท

ความจริงแล้วสิ่งนี้ควรจะเป็นอุปกรณ์จำเป็น แต่ระบบของกล้องในทุกวันนี้ก็ช่วยให้เราใช้ระบบถ่ายภาพหน่วงเวลาแทนกันได้ บ้าง เราอาจจะเลือกใช้แบบ 2 วินาที, 10 วินาที หรือในรายที่มือแน่มาก ๆ ก็ใช้มือเปล่ากดปุ่มชัตเตอร์บนตัวกล้องได้เช่นกัน แต่ที่ดีที่สุดก็คือใช้สายลั่นชัตเตอร์หรือรีโมทเพราะจะช่วยให้กล้องไม่สั่น ไหวได้มากที่สุด และอีกอย่างก็คือมันพร้อมสำหรับการลั่นชัตเตอร์ตลอดเวลา ไม่ต้องรอ 2 วิ หรือ 10 วิ ให้พลาดโอกาสเด็ด ๆ เพราะเรื่องไม่คาดฝันนั้นเกิดขึ้นได้เสมอ ซึ่งบางทีมันก็อาจจะหายไปอย่างรวดเร็วในช่วงเวลา 2 วินาทีนั้นก็เป็นได้


2. ฟิลเตอร์ลดแสง

อุปกรณ์ชนิดนี้คือฟิลเตอร์ C-PL และ ND สำหรับสวมทับหน้าเลนส์เพื่อลดปริมาณแสงที่จะเข้าสู่กล้องอันจะทำให้เราสามา รถใช้สปีดชัตเตอร์ที่นานขึ้นได้ C-PL นอกจากจะลดปริมาณแสงได้แล้ว ยังสามารถตัดแสงสะท้อนจากพื้นผิวน้ำให้สายน้ำของเราดูสวยงามและช่วยให้ บรรยากาศรอบข้างมีสีสันที่อิ่มตัวสสดใสมากขึ้น แต่มันก็สดแสงได้เพียงสองสตอป ส่วน ND นั้นมีหน้าที่เพื่อสดแสงโดยตรงเพียงอย่างเดียว และมันมีหลายเบอร์ให้เลือกใช้ซึ่งสามารถลดแสงได้ 2, 4, 8 … สตอปตามแต่ที่เราจะต้องการ แต่ก็ต้องหาซื้อให้ได้เสียก่อนด้วย หากเป็นระดับมืออาชีพ อุปกรณ์หมวดนี้จะกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมีเลยทีเดียว

3. ผ้าเช็ดกล้องและเลนส์

ถ้าหากเป็นไปได้ ก็ควรเป็นผ้าที่มีคุณสมบัติในการซับน้ำ และควรมีขนาดที่สามารถคลุมกล้องของคุณได้ทั้งตัว ถึงแม้ว่ากล้องของคุณจะมีระบบกันน้ำและความชื้นอย่างดี แต่การที่มันไม่โดนน้ำก็จะดีกว่ามาก หรือถ้ามันโดนก็ควรที่จะรีบเช็ดออกโดยไว แล้วจะทำได้อย่างไรถ้าไร้ซึ่งผ้าผืนนี้เสียแล้ว?

4. ถุงพลาสติกขนาดใหญ่

มันควรจะมีขนาดใหญ่จนสามารถใส่กระเป๋ากล้องของคุณลงไปได้ทั้งใบ ซึ่งเราก็ขอแนะนำถุงดำใส่ขยะที่ค่อนข้างหนาอยู่สักหน่อย ยามไม่มีอะไรก็พับใส่กระเป๋ากล้องเอาไว้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ฝนตกลงมาล่ะก็ มันจะเป็นเหมือนกับม่านบาเรียที่จะปกป้องอุปกรณ์ทั้งหมดของคุณได้ทันทีเพียง แค่หย่อนทั้งกระเป๋าลงไปห่ออยู่ในนั้น ฝนจะตกขนาดไหนก็วางใจได้ เมื่อฝนหยุดตกก็เอากระเปากล้องออกมาเดินต่อ อย่าเห็นแก้กระเป๋ากล้องกันน้ำแล้วลุยไปเลย น้ำอาจไม่เข้าก็จริง แต่ไม่นานต่อมากระเป๋ากล้องของคุณก็จะเริ่มโชยกลิ่นและอาจจะกลายเป็นโครงการ บ้านจัดสรรของเชื้อราไปก็ได้ ใช้กระเป๋ากล้องกันน้ำก็ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ต้องใช้คุ้มเสียจนเอาไปลุยฝนทุกครั้งที่มีโอกาสก็ได้


            ประมวลผลข้อมูลตามที่เราแนะนพไปตอนต้นเสียก่อนว่าเวลาไหนถึงจะเหมาะ? ถ้าคุณรู้สภาพภูมิศาสตร์ของตัวน้ำตกว่ามันอยู่กลางแจ้งหรือในร่ม ก็จะรู้แล้วว่าควรจะต้องหาฟิลเตอร์ลดแสงหรือไม่ขนาดไหน เพราะถ้ามันอยู่กลางแจ้ง คุณก็ต้องลดแสงลงให้มากสักหน่อยเพื่อจะได้ใช้สปีดชัตเตอร์ที่ต่ำลง ยิ่งต่ำเท่าไหร่สายน้ำก็จะยิ่งเป็นเส้นสายพลิ้วมากเท่านั้น ถ้ามันอยู่ในร่มครึ้มของป่าก็ยังง่ายหน่อย

            ตัวน้ำตกหันไปทางไหน? หากมันหันไปทางทิศตะวันออก ก็แสดงว่าเราควรจะถ่ายภาพมันช่วงเช้า เพราะท้องฟ้าด้านหลังจะเป็นมุมโพลาไรซ์ได้ฟ้าสีเข้มสดใส แต่ถ้าหันหน้าไปทางทิศตะวันตกก็ต้องถ่ายภาพช่วงบ่ายเพื่อให้ท้องฟ้าเป็นมุม โพลาไรซ์ มุมโพลาไรซ์คิดง่าย ๆ ก็คืออย่าถ่ายภาพย้อนแสงนั่นเอง ไม่อย่างนั้นแล้วท้องฟ้าด้านหลังก็จะขาวโพลนไปหมดแต่ถ้ามันหันไปทิศอื่นก็ ต้องดูว่าเฉียงหนักไปทิศใดแล้วก็เลือกมุมถ่ายภาพและเวลาให้เหมาะสม หากเป็นทิศเหนือหรือใต้ก็สามารถถ่ายภาพได้ทั้งวัน เพียงแต่มุมโพลาไรซ์อาจจะไม่ชัดเจนแจ่มแจ้งมากนัก นอกจากนี้แล้วบางมุมยังสะท้อนแสงอาทิตย์ด้วย ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับว่าคุณไปถ่ายภาพในช่วงใดของปี

เมื่อไปถึงน้ำตก

อย่ารีบร้อนใจเร็วกางขาตั้งถ่ายภาพทันที หยุดพิจารณาน้ำตกตรงหน้าเสียก่อนว่ามันมีจุดเด่นอย่างไร ควรจัดวางองค์ประกอบอย่างไร อย่าลืมคิดด้วยว่ากรอบสี่เหลี่ยมของกล้องถ่ายภาพไม่ได้เห็นกว้าง ๆ เท่ากับที่ตาเราเห็น แล้วควรจะจัดวางมันอย่างไรดี ดึงความรู้และประสบการณ์เรื่องการจัดองค์ประกอบภาพที่คุณมีมาใช้ให้เต็มที่ อย่าลืมเรื่องฉากหน้าและฉากหลังซึ่งมันจะช่วยคุณได้เยอะเกินกว่าที่จะละเลย มันไป
บริเวณน้ำตกส่วนใหญ่มักจะลื่นและไม่มั่นคงมากนัก ก่อนจะกางขาตั้งกล้องก็ลองสำรวจเรื่องความมั่นคงเสียก่อน ทดลองขยับลงน้ำหนักไปยังแต่ละขาด้วยมือโดยที่ยังไม่ต้องติดตั้งกล้องจน กระทั่งแน่ใจจริง ๆ

เราต้องเข้าใจและทำความเข้าใจ สปีดชัตเตอร์, รูรับแสง และค่า ISO ทั้งสามปัจจัยแต่ละอย่างมีคุณสมบัติแบบใด? มีผลต่อภาพอย่างไร? ควรลดหรือเพิ่มปัจจัยใดบ้าง?


         อย่างเช่นในการถ่ายน้ำตกนั้น จุดมุ่งหมายคือน้ำตกที่พลิ้วเป็นเส้นสายอย่างสวยงาม ความสำคัญอย่างแรกก็คือ ต้องใช้สปีดชัตเตอร์ที่ต่ำมากเพื่อบันทึกการเคลื่อนไหวของสายน้ำให้เป็นเส้น แต่มันก็จะเปิดทางให้แสงเข้าสู่กล้องได้มาก ดังนั้นเราต้องใช้รูรับแสงที่แคบเพื่อให้ใช้สปีดชัตเตอร์นานได้โดยที่แสง เข้าได้น้อย และลด ISO ให้ต่ำที่สุดเพื่อให้เซนเซอร์รับภาพมีความไวต่อแสงน้อยที่สุด ซึ่งทั้งสองปัจจัยหลังก็มีผลพลอยได้ให้สามารถใช้สปีดชัตเตอร์นานได้นั่นเอง

         ปรับกล้องไปที่โหมด M เลือกใช้ค่า ISO ค่ำที่สุดเพื่อให้มันไวแสงน้อยลงและเพื่อนคุณภาพของภาพระดับสูงสุด บีบรูรับแสงแคบที่ f/13 เพื่อให้ใช้สปีดชัตเตอร์ได้นาน เปลี่ยนไปใช้ระบบโฟกัสแบบ Manual แล้วปรับโฟกัสด้วยมือเพราะระบบโฟกัสอัตโนมัติทำงานกับสายน้ำได้ไม่ดีนัก ใช้ สปีดชัตเตอร์ที่ 1 วินาที แล้วลองถ่ายภาพแรก

          หากสายน้ำมีปริมาณมากและไหลแรง สปีดชัตเตอร์ 1 วินาทีก็ทำให้สายน้ำตกมีลักษณะเป็นเส้นได้แล้ว ถ้าภาพที่ได้ออกมายังมืดเกินไปก็เพิ่มสปีดชัตเตอร์ให้นานขึ้นอีก แต่ถ้าสว่างเกินไปก็ติดตั้งฟิลเตอร์ลดปริมาณแสงที่หน้าเลนาส์ แต่ถ้าสายน้ำตกไม่แรงเนื่องจากปริมาณน้ำมีน้อยก็ยิ่งต้องใช้สปีดชัตเตอร์ที่ นานยิ่งขึ้นไปอีก


           ถ้าภาพมืดเกินไปก็แสดงว่ามีปริมาณแสงเข้ามาสู่กล้องน้อยเกินไป กรณีนี้ให้เพิ่มสปีดชัตเตอร์ให้นานขึ้นหรือขยายรูรับแสงให้กว้างขึ้น ไม่ควรใช้วิธีเพิ่มค่า ISO ให้สูงขึ้น หากสภาพสว่างเกินไปก็ต้องสวมฟิลเตอร์ลดปริมาณแสงหรือบีบรูรับแสงให้แคบลง ก่อนที่จะเลือกใช้สปีดชัตเตอร์ให้เร็วขึ้น เพราะสปีดชัตเตอร์ที่เร็วขึ้นนั้นก็อาจหมายความว่าเส้นสายน้ำตกของเราจะไม่ สวยเท่าที่ควร อีกกรณีหนึ่งก็คือเลือกถ่ายภาพในเวล่าที่แสงมีน้อยกว่าเช่นจากบ่ายสามโมงมา เป็นห้าโมงเย็น

เทคนิคการใช้ผ้าเช็ดกล้องช่วยถ่ายภาพ
นี่คือเทคนิคสำหรับน้ำตกที่ไหลแรงและมีละอองน้ำกระเซ็นไปทั่วตลอดเวลา ซึ่งเราจะได้เห็นความสำคัญของผ้าเช็ดกล้องที่จะรับบทบาทสำคัญนอกไปจากแค่ทำ ความสะอาดอย่างที่มันเป็นโดยปกติ ละอองน้ำจะปลิวมาติดที่หน้าเลนส์อยู่ตลอดเวลาถ่ายภาพลำบากหรือแทบไม่ได้อะไร เลย ถ่ายไปเช็ดๆไปจนแทบจะหมดอารมณ์ และส่วนใหญ่มันก็ปลิวมาเกาะหน้าเลนส์อย่างรวดเร็วจนภาพมีแต่หยดน้ำเกาะเต็ม ไปหมด

ให้คุณติดตั้งกล้องเข้ากับขาตั้ง จับโฟกัส (Manual) ปรับค่าต่าง ๆ ให้เสร็จเรียบร้อย โดยที่ไม่ต้องสนใจละอองน้ำ เมื่อทุกอย่างเข้าที่ดีแล้วก็อ้อมไปยืนหน้ากล้องหันหลังให้น้ำตกเพื่อบัง ละอองน้ำ จากนั้นก็เอาผ้าเช็ดกล้องวางคลุมกล้องเอาไว้ทั้งตัวแล้วเช็ดหน้าเลนส์ให้ แห้งสะอาด คลุมกล้องด้วยผ้าทั้งผืนแล้วอ้อมกลับมายืนเหมือนเดิมที่หลังกล้อง

มือซ้ายจับชายผ้าที่หน้าเลนส์ไว้ นับหนึ่ง สอง สาม พอถึงสองก็ยกชายผ้าที่บังหน้าเลนส์ขึ้นแล้วลั่นชัตเตอร์ จนกระทั่งชัตเตอร์ปิดก็ปล่อยผ้าให้คลุมหน้าเลนส์ไว้เหมือนเดิม วิธีนี้จะทำให้คุณถ่ายภาพได้ต่อเนื่องหลายภาพ ผ้าที่คลุมทั้งกล้องเอาไว้จะช่วยให้คุณไม่ต้องพะวงกับละอองน้ำที่ปลิวมาเกาะ กล้อง ผ้าส่วนที่ปิดหน้าเลนส์เอาไว้ก็จะช่วยให้ถ่ายภาพต่อไปได้อีก


ทั้งหมดนั้นคือสิ่งที่คนถ่ายภาพจำเป็นจะต้องพิจารณาตัดสินใจเลือกแต่ละ เหตุผลโดยใคร่ครวญถึงผลที่จะเกิดขึ้นในภาพเป็นหลักว่าเวลาใด อุปกรณ์ชิ้นไหน ค่าเปิดรับแสงอย่างไร ฯลฯ จึงจะเหมาะสม นี่คือเสน่ห์หนึ่งของการถ่ายภาพด้วยกล้อง DSLR ซึ่งยากที่กล้องประเภทอื่นจะทำได้ จำเอาไว้ว่า “ไม่มีสูตรตายตัว” สำหรับการถ่ายภาพน้ำตก เพราะต้องขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัยและเหตุผลประกอบกัน อย่างที่เราบอกไปขั้นต้นนั้นก็เป็นเพียงตัวอย่างทั่วไปที่นักถ่ายภาพจำเป็น จะต้องประยุกต์เพิ่มลดตัดทอนเอาเองตามสถานการณ์เฉพาะหน้าหลังจากที่ผ่านการ พิจารณาด้วยความรู้ทางด้านการถ่ายภาพที่เรามี อย่างไรเสียสิ่งนี้ก็คือประสบการณ์อันล้ำค่าที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้ อยากรู้ก็ต้องลองดูนั่นเอง



 ข้อมูลและภาพ : www.tsdmag.com/photo-tutor/advanced/waterfall-exposure/


สั่งอัดรูปออนไลน์ / Digital Offset Print / Photo Gift / Photo Book
ได้ที่
www.masterphotonetwork.com

ติดตามข่าวสารและกิจกรรมดีๆ จากมาสเตอร์ได้ที่
Facebook : Master Photo Network

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
"มาสเตอร์" เรามีประสบการณ์ด้านการอัดภาพมายาวนานกว่า 40 ปี โดยเราเป็นรายแรกในประเทศไทยที่ลงเครื่องอัดภาพระบบต่อเนื่อง ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของคำว่า "รอรับได้ทันที" ที่ใช้กันแพร่หลายในปัจจุบัน "มาสเตอร์" เป็นรายแรกที่บุกเบิกการอัดภาพระบบดิจิตอลอย่างเป็นระบบและครบวงจร เป็นผู้สร้างมาตรฐานรูปแบบการอัดต่างๆ ในการสั่งอัดรูปดิจิตอล นอกจากนี้ “มาสเตอร์” ยังเป็นผู้สร้างสรรค์งานออกแบบและงานผลิตสิ่งพิมพ์คุณภาพทุกชนิด "มาสเตอร์" เล็งเห็นถึงความสำคัญของการใช้อินเตอร์เน็ตและประโยชน์ที่ลูกค้าได้รับ เว็บไซต์ www.MasterPhotoNetwork.com จึงถูกก่อตั้งขี้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 และเปิดให้ลูกค้าสามารถอัพโหลดและสั่งอัดภาพผ่านทางหน้าเวปไซต์ในปี พ.ศ.2551 เป็นต้นมา ปัจจุบันมีลูกค้าใช้บริการผ่านระบบออนไลน์ของเราจากทุกภาคทั่วประเทศ เรามีระบบการจัดส่งที่หลากหลายเพื่อความสะดวกสบายของลูกค้า และด้วยพนักงานที่จะคอยดูแลท่านพร้อมเครื่องอัดภาพที่ทันสมัยที่สุด เราสามารถรองรับงานได้ทุกรูปแบบ ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่างานที่ออกไปจากเราจะมีคุณภาพที่เป็นมาตรฐานและส่งตรงถึงมือลูกค้าอย่างแน่นอน